วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การสื่อสารทางการพูดและการเขียน

    การติดต่อสื่อสารเป็นกระบวนการรับและการถ่ายทอดข้อมูล หรือเนื้อหาสาระต่างๆที่บุคคลต้องการหรือเกี่ยวข้องกัน จากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่ง เพื่อสร้างความเข้าใจ ชักจูงใจ มุ่งให้ความรู้ตามที่ประสงค์ ซึ่งการสื่อสารที่ดีสามารถทำให้เกิดการร่วมแรงร่วมกันใจ เกิดประโยชน์แก่หน่วยงานและสังคม
....วิธีการสื่อสาร มีหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้
    1. การสื่อสารด้วยวาจา (ภาษาพูด)--> คือการพูดเป็นประโยค มีจังหวะจะโคน น้ำเสียงมีทั้งเบาและ
ค่อย มีความเร็วหรือช้าของการพูด
    2. การสื่อสารด้วยกริยาท่าทาง (ภาษากาย)--> เช่น การกลอกตา การจ้องตา การพยักหน้า การก้มโค้ง การแสดงออกทางสีหน้า การสัมผัสและการใช้มือ
    3. การสื่อสารด้วยลายลักษณ์อักษร (ภาษาเขียน)--> ได้แก่ สัญลักษณ์ และรูปภาพต่างๆ
    การจะเลือกวิธีการสื่อสารนี้มีปัจจัยเกี่ยวข้องอีกมากมาย ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับผู้สื่อ และผู้รับสื่อตลอดจนเหตุการณ์แวดล้อมต่างๆที่เกี่ยวข้องอีกด้วย และเมื่อมีการส่งสารแล้วยังต้องสังเกตปฏิกิริยาย้อนกลับของผู้รับ เพื่อที่จะทำให้ทราบว่าข่าวสารที่ส่งไปนั้นบรรลุเป้าหมายเพียงใด ปฏิกิริยาย้อนกลับนี้อาจมีทั้งพอใจ ไม่พอใจ หรือความเข้าใจมากน้อยเพียงใดอีกด้วย

  การสื่อสารทางการพูด  
การพูดเป็นเครื่องมือที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน ซึ่งในชีวิตประจำวันการพูดเป็นทักษะหลักในการสื่อสาร การถ่ายทอดความคิด ความรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก หรือความต้องการ ด้วยเสียง ภาษา และกิริยาท่าทาง เพื่อให้ผู้ฟังรับรู้ เข้าใจได้ตรงตามจุดประสงค์ของผู้พูด 
.....ทักษะการเป็นผู้พูดที่ดี  >> ผู้พูดเป็นผู้ที่จะต้องถ่ายทอดความรู้สึก ความคิดเห็น ข้อเท็จจริง ตลอดจนทัศนคติของตนซึ่งเกิดจากการสะสมความรู้ ความคิดและประสบการณ์ที่มีคุณค่า มีประโยชน์ แล้วรวบรวม เรียบเรียง ความรู้ความคิดเหล่านี้ให้มีระเบียบ เพื่อที่จะได้ถ่ายทอดให้ผู้ฟังได้โดยง่าย โดยใช้ภาษา เสียง อากัปกิริยาและบุคลิกภาพของตนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ผู้พูดจะต้องคำนึงถึงมารยาทและคุณธรรมในการพูดด้วย.....


  การสื่อสารทางการเขียน  
การเขียนเป็นระบบการสื่อสารอย่างหนึ่ง หรือบันทึกถ่ายทอดภาษาเพื่อแสดงออกซึ่งความรู้ ความคิด ความรู้สึกและอารมณ์ โดยใช้ตัวหนังสือและเครื่องหมายต่างๆเป็นสื่อ
.....ทักษะการใช้ภาษาเขียนที่ดี >> ต้องอาศัยพื้นฐานความรู้จากการฟัง การพูด และการอ่าน เพราะจะทำให้มีความรู้ มีข้อมูล และมีประสบการณ์เพียงพอที่จะทำให้เกิดความคิด ความสามารถในการเรียบเรียงและถ่ายทอดความคิดออกมาสื่อสารให้กับผู้อ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ.....



การสื่อสารทั้งทางการพูดและการเขียน มีบทบาทสำคัญ
ต่อการวิจัยอย่างไร??

   ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารด้วยวิธีใดก็ตาม ล้วนแต่มีความสำคัญต่ออาชีพ หน้าที่การงาน ในทุกสาขาอาชีพ เนื่องจากการสื่อสารเป็นกลวิธีอย่างหนึ่งในการขับเคลื่อนข้อมูล เนื้อหาสาระต่างๆ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และมีประสิทธิภาพต่อองค์ หน่วงงานนั้นๆได้....แต่ถ้าพูดในแง่ทางการศึกษา ในฐานะที่ข้าพเจ้ากำลังเรียนทางการศึกษา และว่าที่นักการศึกษาในอนาคต สิ่งที่ต้องเจอและหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการทำวิจัยหรือการเป็นนักวิจัย การวิจัยหนึ่งๆ มีขั้นตอนต่างๆที่จะได้มาซึ่งสิ่งที่เราต้องการหรือตั้งเป้าหมายไว้ เริ่มตั้งแต่...
1.การเขียนโครงร่างงานวิจัย เราต้องมีการสื่อสารทางการเขียน และต้องเขียนถ่ายทอดออกมาผ่านตัวหนังสือให้ผู้อ่านเข้าใจ ตรงตามผู้เขียน ซึ่งควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
     1.1 ความถูกต้อง คือ ข้อมูลถูกต้อง ใช้ภาษาที่ถูกต้องเหมาะสมตามกาลเทศะ
     1.2 มีความชัดเจน คือ ใช้คำ ประโยค สำนวน ที่มีความหมายชัดเจน เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ตรง  ตามจุดประสงค์
     1.3 มีความไพเราะทางภาษา คือ ใช้ภาษาสุภาพ มีความประณีตทั้งสำนวนภาษาและเนื้อหา
     1.4 มีความกระชับและเรียบง่าย คือ รู้จักเลือกถ้อยคำที่เข้าใจง่าย ไม่ฟุ่มเฟือย เพื่อให้ได้ใจความชัดเจน

2. การนำเสนองานวิจัย นี่ก็เป็นการสื่อสารทางการพูด จะพูดอย่างไรให้น่าสนใจ ผู้ฟังมีความสนใจ เข้าใจ ในสิ่งที่เรานำเสนอ ซึ่งลักษณะการพูดที่ดีควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้  
     2.1 ใช้ถ้อยคำดี คือ พูดด้วยถ้อยคำที่เป็นจริง  มีประโยชน์  และเป็นที่พอใจแก่ผู้ฟัง 
      2.2 มีบุคลิกลักษณะดี  คือ ต้องใช้น้ำเสียง  ภาษา  สายตา  ท่าทาง  และกิริยาอาการต่าง ๆ  ให้เป็นไปตามธรรมชาติ  สอดคล้องกับเนื้อหาของเรื่องที่พูด 
      2.3 เตรียมการพูด โดยศึกษาจุดประสงค์ หัวข้อ และเวลาในการพูด เพื่อรวบรวมความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่จะพูด เช่น หนังสือ เอกสาร และข้อมูลต่างๆ
     2.4 ลำดับความในการพูด เมื่อเตรียมเรื่องเเล้วนำมาลำดับความในการพูดให้เป็นขั้นตอน เปิดเรื่องด้วยข้อความที่เร้าความสนใจของผู้อื่น และมีการสรุปให้ผู้ฟังเข้าใจเเละให้ข้อคิด
     2.5 ฝึกพูดให้กระชับรัดกุม โดยใช้ถ้อยคำสั้นๆ เเต่มีความชัดเจน 

....จากข้อมูลข้างต้น การสื่อสารทางการพูดและการเขียน มีความสำคัญต่อการวิจัยเป็นอย่างมาก ซึ่งจะช่วยให้งานของเรามีความสมบูรณ์ และเป็นการส่งเสริมงานวิจัยให้ดูมีคุณค่าและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ผู้ทำวิจัย(ผู้ส่งสาร) ควรตระหนักและให้ความสำคัญ เพราะนอกจากจะได้ความรู้จากการทำวิจัยแล้ว ยังเป็นการพัฒนาตนเองให้มีความเป็นมืออาชีพและเป็นที่ยอมรับของสังคมได้....และเมื่อทำได้ดี สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นเสน่ห์เฉพาะตัว ที่สามารถดึงดูดผู้ที่สนใจได้เป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ....



ที่มา:
http://www.trueplookpanya.com/true/
http://jelphyr.exteen.com/20060607/entry
http://www.secreta.doae.go.th/images/newtotal190.pdf


วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

นวัตกรรมทางการศึกษา : E-book on tablet (หนังสืออิเล็กทรอนิกส์)

  • แนวคิด/หลักการและขั้นตอนในการพัฒนานวัตกรรมการศึกษา

....จากความเจริญก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและการสื่อสารที่ทันสมัย อินเทอร์เน็ตมีใช้กันอย่างทั่วถึงไม่ว่าชนชั้นใด มีความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว..ในขณะเดียวกันจึงทำให้เกิดเว็ปไซต์, บล็อก, e-book (Electronic Book) ต่างๆมากมายที่สามารถดาวน์โหลดหนังสือต่างๆได้โดยแทบไม่ต้องซื้อหนังสือ  ต่อมา จึงได้มีการประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แบบพกพา หรือคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค และนำมาสู่คอมพิวเตอร์แบบใหม่ที่เรียกว่า tablet ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางทั่วโลก....

ในการอ่าน e-book ในอดีตสามารถอ่านได้โดยการผ่านโปรแกรมการอ่านของเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทั่วไปซึ่งมีขนาดใหญ่และไม่สามารถที่จะพกพาไปอ่านที่อื่นได้ ต่อมาได้มีการพัฒนาขึ้นโดยผ่านสมาทโฟนหรือเทปเลต ที่จะช่วยให้อ่านหนังสือได้ง่ายขึน ในขณะที่เวลาไปไหนมาไหนก็สามารถพกได้เป็นหลายพันหลายหมื่นหน้าลงในกระเป๋าของเราได้...

เครื่องมือในการอ่านอีบุ๊คมีการพัฒนาในรูปของคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค สมาทโฟน ไอโฟน ไอเพด แต่ในที่นี่จะกล่าวถึงการอ่านอีบุ๊คด้วย Tablet  "ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับ Tablet ก่อนว่าลักษณะของ Tablet เป็นอย่างไรบ้าง?"          

 .....What is e-Book ??..... 
   e-Book (Electronic Book) คือ หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีลักษณะเป็นเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ โดยปกติจะเป็นแฟ้มข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่สามารถอ่านเอกสารผ่านทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งระบบออฟไลน์และออนไลน์ คุณลักษณะของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์สามารถเชื่อมโยงไปยังจุดต่างๆของหนังสือ เว็ปไซต์ต่างๆ ตลอดจนมีปฏิสัมพันธ์และโต้ตอบกับผู้เรียนได้ นอกจากนั้นหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ยังสามารถแทรกภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว หรือแบบทดสอบต่างๆ...

   ....What is tablet??....    
   แท็บเล็ตเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลชนิดหนึ่ง พกพาง่าย น้ำหนังเบา มีคีย์บอร์ดในตัว หน้าจอเป็นระบบสัมผัส ปรับปุ่มได้อัตโนมัติ ระบบปฏิบัติการมีทั้งที่เป็น Android, IOS และ windows ระบบการเชื่อมต่อสัญญาณเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีทั้ง wifi และ wifi + 3G ซอฟต์แวร์ที่ใช้กับแท็บเล็ตหรือที่นิยมเรียกว่า แอฟพลิเคชั่น (applications)



>>>>ตัวอย่างแท็บเล็ต (tablet)
sumsung galaxy tab-2-310 =ใช้ระบบปฏิบัติการ Android

tablet the new iPad = ใช้ระบบปฏิบัติการ IOS

tablet acer iconia-w700 = ระบบปฏิบัติการ windows

  • ผลการนำนวัตกรรมการศึกษามาใช้

....e-Book on tablet with education!!!....

....สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันเทคโนโลยีเหล่านี้ (e-Book on tablet) ได้เริ่มมีบทบาทในวงการศึกษาแล้ว และทางรัฐบาลของไทยเองก็ได้ดำเนินการโครงการ  "One Tablet Per Child" โดยเริ่มทยอยแจกในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการเรียนยุคใหม่นโยบายของรัฐบาลดังกล่าว เป็นแนวคิดที่จะนำเอาเทคโนโลยีและสื่อสารการศึกษามาประยุกต์ใช้กับการเรียนรู้ของนักเรียนรูปแบบใหม่โดยการใช้ Tablet เป็นเครื่องมือในการเข้าถึงแหล่แหล่งเรียนรู้และองค์์ความรู้ต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งในรูแบบออฟไลน์และออนไลน์ ทำให้ผู้เรียนมีโอกาสศึกษาหาความรู้ ฝึกปฏิบัติ และสร้างองค์ความรู้ต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งการจัดการเรียนการสอนในลักษณะดังกล่าวได้เกิดขึ้นแล้วในต่างประเทศ ส่วนในประเทศไทยมีการจัดการเรียนการสอนอยู่บ้างในระดับประถมศึกษา มัธยม และระดับอุดมศึกษาบางแห่งเท่านั้น..ซึ่งสถาบันอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยบางแห่งเริ่มมีการแจก Tablet PC ให้กับนักศึกษาใหม่แล้ว แต่การนำไปประยุกต์ใช้ยังไม่มีทิศทางที่ชัดเจนแน่นอนเพราะยังต้องอาศัยการพัฒนาโปรแกรมมารองรับรวมทั้งเนื้อหาตำราในรูปแบบ E-Book ที่จะต้องมีจำนวนมากกว่านี้....

แต่พบว่า>>> การนำเทคโนโลยีจาก Tablet เข้ามาเป็นสื่อทางการศึกษา การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาไม่เพียงแค่การที่เรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยเท่านั้น ยังมีปัจจัยที่มีผลทางด้านอื่นๆอีก เช่น
   -ผู้เรียนในระดับต่าง ๆ (ประถม มัธยม และระดับอุดมศึกษา) ต้องสามารถที่จะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อประโยชน์ใน การศึกษาเรียนรู้ให้มากที่สุด ครูผู้สอนควรจะมีการชี้แจงถึงการใช้เทคโนโลยีเพื่อการเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับการศึกษา รวมทั้งควรแนะนำการนำเทคโนโลยีไปใช้ในทางที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางการศึกษาจากการใช้เทคโนโลยี เช่นการใช้เพื่อการเล่นเกมส์ เป็นต้น
   -ครูผู้สอนควรมีความรู้ที่สามารถแนะนำผู้เรียนเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงวิธีการและแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ต่อผู้เรียนเพื่อให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากที่สุด
   -การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนรวมทั้งแหล่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้มีความสอดคล้องกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษา
   -หน่วยงานและบุคลากรที่จะเข้ามารับผิดชอบในการดูแล แนะนำและแก้ไขปัญหาในเรื่องอุปกรณ์ ระบบรวมทั้งการใช้งานที่เกี่ยวข้อง

....อย่างไรก็ตามการก้าวทันต่อเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับวงการศึกษา e-book on tablet ถือเป็นสิ่งที่น่ายินดีและควรได้รับการปรับปรุง แก้ไข ให้เข้ากับการศึกษาให้มากที่สุดและนักเรียนได้รับประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ยังต้องมีการศึกษาและพัฒนาเพิ่มเติมทั้งในด้านที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานและบุคลากร เช่น การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนโดยใช้ Tablet การพัฒนาครูผู้สอนให้มีความรู้ความสามารถในการใช้ Tablet เพื่อการเรียนการสอน รวมทั้งยังต้องศึกษาวิจัยเกี่ยวกับการใช้ Tablet ที่จะสามารถนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุดต่อการศึกษาของผู้เรียน เพื่อที่จพนำความรู้ที่ได้มาพัฒนาประเทศได้ในอนาคต....

++++++++++++


ที่มา:
http://www.it24hrs.com/2011/tablet-for-education/
http://y32.wikidot.com/tablet
http://www.slideshare.net/yingkanya/ebook-on-tablet
http://www.sesao.go.th/km/?name=research&file=readresearch&id=595



วันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2556

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศมีผลต่อกระบวนทัศน์ทางการศึกษาอย่างไร และส่งผลต่อตัวท่านอย่างไร




...เทคโนโลยีสารสนเทศ หมายถึง เทคโนโลยีที่ใช้จัดการสารสนเทศ เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ การเก็บรวบรวมข้อมูล การประมวลผล การแสดงผลลัพธ์ การทำสำเนาและการสื่อสารโทรคมนาคม เพื่อ ให้ได้สารสนเทศที่เหมาะสมและสามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้

  ปัจจุบันความก้าวหน้าของอุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว เพื่อสนองความต้องการด้านต่างๆ ของผู้ใช้ในปัจจุบันซึ่งมีผู้ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศทั่วโลกประมาณพันล้านคน และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆทุกปี ผู้ใช้สามารถใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวได้ทุกที่ ทุกเวลา


การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี vs. กระบวนทัศน์ทางการศึกษา

แนวคิดดั้งเดิมเกี่ยวกับการเรียนการสอน >>                    
ห้องเรียนแบบเก่าจะมีลักษณะเป็นห้องที่ประกอบด้วย 
โต๊ะ,เรียนเก้าอี้ที่เรียงเป็นแถวการเรียนการสอนจะมี
ครูยืนอยู่หน้าชั้น เรียนและ ถ่ายทอดเนื้อหา  ในขณะที่ผู้เรียนนั่งฟังตาแนวความคิดนี้ครูผู้สอนจะเป็นผู้ที่ดำเนินการ  กำกับควบคุมการวางแผน การดำเนินการและการประเมินผล  ซึ่งน่าจะเป็นการสอนที่ผู้เรียนสามารถรับข้อมูลได้ไม่มากนัก  ในบางครั้งอาเป็นการเรียนโดย  "เน้นทักษะการจดจำ" 
ท่องจำอย่างเดียวเท่านั้น!!!


แนวคิดใหม่เกี่ยวกับการเรียนการสอน>>
ในปัจจุบันกระแสการเปลี่ยนแปลงด้านต่างๆเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้เข้ามามีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์เราอย่างมาก และจะทวีความสำคัญยิ่งขึ้น "การศึกษาจึงต้องเป็นพลวัตร" นั่นคือ ต้องปรับเปลี่ยนให้ทันและสอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของชาติและสังคมโลกอยู่ตลอดเวลา...นั่นหมายความว่า ในขณะที่มีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีต่างๆอย่างรวดเร็ว สิ่งเหล่านี้จึงเข้ามามีอิทธิพลต่อการศึกษาด้วยเช่นกัน และส่งผลให้กระบวนทัศน์ทางการศึกษาเปลี่ยนไปด้วย


"..การนำสื่อการเรียนรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมการศึกษามาใช้ในการจัดการเรียนรู้.."

การเปลี่ยนกระบวนทัศน์ "การถ่ายทอดความรู้จากครู" มาสู่ "การเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง" โดยส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นผู้ลงมือสร้างองค์ความรู้ ดังนั้น การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรม หรือสื่อมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ อาจจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง


แนวคิดการเรียนการสอนได้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมที่ครูผู้สอนเป็นผู้ที่วางแผน และถ่ายทอดความรู้ต่างๆไปสู่ผู้เรียนโดยตรง ต่อมาเมื่อมีการพัฒนา ทางด้านสื่อการสอนต่างๆ จึงมีการใช้สื่อการสอนถ่ายทอดเนื้อหาความรู้ต่างๆไปยังผู้เรียน เช่น แผ่นภาพโปร่งใส ภาพยนตร์ สไลด์ วิดีทัศน์ คอมพิวเตอร์ ช่วยสอน เพื่อช่วยเปลี่ยนสิ่งที่เป็นนามธรรม ให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และยังช่วยตอบสนองด้านความแตกต่างระหว่างบุคคลอีกด้วย...

การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศมีผลต่อตัว..ฉัน..อย่างไร

...ความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  ทำให้มีการพัฒนาคิดค้นสิ่งอำนวยความสะดวกสบายต่อการดำรงชีวิตเป็นอันมาก  เทคโนโลยีได้เข้ามาเสริมปัจจัยพื้นฐานการดำรงชีวิตได้เป็นอย่างดี...ดังนั้น  ถ้าถามว่า การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศมีผลต่อตัวฉันอย่างไร?? นั้น...ขอตอบว่า "มีผลอย่างมากค่ะ เพราะเราจะสังเกตได้ว่ารอบตัวเราในปัจจุบันนี้ล้วนแต่เป็นเทคโนโลยี ซึ่งสามารถอำนวยความสะดวกให้ชีวิตเราดีขึ้น และในฐานะที่ฉันกำลังศึกษาอยู่สาขาทางการศึกษา... เทคโนโลยีจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญยิ่งต่อการจัดการศึกษา ในอนาคตครูผู้สอนหรือนักการศึกษา จำเป็นอย่างยิ่งค่ะที่จะต้องเรียนรู้ ทำความเข้าใจ ปรับตัวให้ทันต่อเทคโนโลยี สื่อการสอน นวัตกรรม ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และมากมาย เพื่อที่จะนำไปปรับใช้ในการสอนนักเรียน และยังถือเป็นการนำเทคโนโลยีไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อวิชาชีพของตนเอง อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาการเรียนการสอนให้มีความก้าวหน้าอีกด้วย..."

" คนเราต้องทำตัวเหมือนน้ำไม่เต็มแก้ว จะได้สามารถรับสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและ
ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา"

ที่มา  http://www.trueplookpanya.com/true/knowledge_detail.
         http://kumungao.igetweb.com/index.php?